Pages

Thursday, November 3, 2011

ความบาปมหันต์ (ตอนที่ 2)


จากตอนที่แล้ว เราได้รับรู้ไปแล้วว่า สิ่งที่ผลักดันให้คนอยากได้มากขึ้นนั้นคือความเย่อหยิ่งต่างหาก ทั้งความปรารถนาที่จะร่ำรวยมากยิ่งกว่าคนรวยคนอื่น และ (ยิ่งไปกว่านั้น) มันคือ กระหายอำนาจ เพราะว่าแน่นอน สิ่งที่คนเย่อหยิ่งชอบจริงๆ ก็คือที่จะได้อำนาจ ไม่มีอะไรที่จะทำให้คนหนึ่งรู้สึกเหนือกว่าคนอื่นได้เท่ากับการที่เขาสามารถจะสั่งการให้คนอื่นทำโน่นทำนี่ได้เหมือนสั่งตุ๊กตาทหาร อะไรทำให้ผู้หญิงสวยๆ สร้างความทุกข์ระทมไปทั่วทุกแห่งที่หล่อนไปถึงโดยการหว่านเสน่ห์ให้มีคนชื่นชอบหล่อนมากๆ แน่นอน ไม่ใช่เพราะสัญชาตญาณทางเพศของหล่อนหรอก ผู้หญิงชนิดนั้นบ่อยครั้งทีเดียวที่เย็นชาเรื่องเพศ ความเย่อหยิ่งต่างหากที่ทำให้หล่อนเป็นเช่นนั้น

ถ้าผมเป็นคนหยิ่ง แล้วตราบเท่าที่ยังมีอยู่คนหนึ่งในโลกนี้ที่มีอำนาจมากกว่าผม หรือรวยกว่า หรือฉลาดกว่าผม คนคนนั้นก็คือคู่แข่งและศัตรูของผม

ความชั่วอื่นๆ บางครั้งอาจจะนำคนให้มาสามัคคีกันได้ คุณอาจพบการสังสรรค์เล่าเรื่องตลกโปกฮาและมีความเป็นมิตรกันในท่ามกลางคนขี้เมาหรือคนล่วงประเวณี แต่ความหยิ่งจองหองหมายถึงการเป็นศัตรูกันเสมอ ความหยิ่งจองหองคือการเป็นศัตรูกันนั่นเอง และไม่ใช่เป็นศัตรูระหว่างมนุษย์กับมนุษย์เท่านั้น แต่เป็นศัตรูกับพระเจ้าด้วย

เมื่อพูดถึงพระเจ้า คุณต้องเผชิญกับผู้ที่เป็นเลิศประเสริฐกว่าคุณในทุกแง่มุมเกินกว่าที่จะวัดได้ คุณไม่อาจจะรู้จักพระเจ้าได้เลย นอกเสียจากคุณจะทราบว่าพระองค์ทรงดีมากขนาดนั้น แล้วเพราะเหตุนั้นคุณจึงทราบว่า เมื่อเปรียบเทียบกับพระองค์แล้ว ตัวคุณเองไร้ค่าจริงๆ ตราบใดที่คุณยังหยิ่งจองหองอยู่ คุณจะรู้จักพระเจ้าไม่ได้ คนหยิ่งจะมองผู้คนและสิ่งอื่นๆ อย่างเหยียดหยาม และแน่นอน ตราบใดที่คุณมองด้วยสายตาดูหมิ่นเหยียดหยาม ตราบนั้นคุณก็จะไม่มีทางเห็นอะไรที่อยู่เหนือคุณได้

และนั่นทำให้เกิดคำถามหนึ่ง คือจะเป็นไปได้อย่างไรที่คนที่เห็นได้ค่อนข้างชัดเจนว่า เป็นคนที่มีความหยิ่งยโส จึงสามารถพูดออกมาได้ว่าตัวเองเชื่อในพระเจ้า และตัวเขาเองรู้สึกเคร่งศาสนามาก ผมเกรงว่านั่นหมายความว่า พวกเขานมัสการพระเจ้าในจินตนาการของเขา โดยทฤษฎีเขายอมรับว่าตัวเขาเองไม่มีค่าอะไรต่อหน้าพระเจ้าที่ไม่มีตัวตนนี้ แต่ว่าจริงๆ แล้วตลอดเวลาเขาคิดฝันไปว่าพระองค์ทรงยอมรับการกระทำของเขาและทรงคิดว่าพวกเขาดียิ่งกว่าคนธรรมดาทั่วๆ ไปมาก นั่นก็คือ เขาแสดงความถ่อมใจจอมปลอม ทำให้นึกถึงพระคัมภีร์ที่บอกว่า เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนเป็นอันมากร้องแก่เราว่า "พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์กล่าวพระวจนะในพระนามของพระองค์ และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์ และได้กระทำการมหัศจรรย์เป็นอันมากในพระนามของพระองค์ มิใช่หรือ เมื่อนั้นเราจะได้กล่าวแก่เขาว่า "เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย เจ้าผู้กระทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา" (มัทธิว 7: 22-23)

แต่ขอบคุณพระเจ้าที่มีเรามีสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าประทานให้ นั่นคือ "การทดสอบ" เมื่อใดก็ตามที่เราพบว่าชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราทำให้เรารู้สึกพึงพอใจว่าตนดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเรารู้สึกว่าเราดียิ่งกว่าคนอื่น ผมคิดว่า เราแน่ใจได้เลยว่า ขณะนั้นมีผู้กระทำกิจในตัวเราซึ่งไม่ใช่พระเจ้า แต่ว่าเป็นมารซาตาน การทดสอบที่แท้จริงว่าคุณอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าก็คือ เมื่อคุณลืมทุกสิ่งเกี่ยวกับตัวตนของตนเองหรือเมื่อคุณเห็นว่าตัวเองเป็นเพียงสิ่งสกปรกตัวเล็กๆ เท่านั้นเป็นการดีกว่าที่จะลืมตัวตนของตนเองของตนเองเสียให้สิ้น

ความหยิ่งเป็นความบาปที่เกี่ยวข้องกับเรื่องจิตวิญญาณโดยแท้ ตรงดิ่งมาจากนรกเลยทีเดียว และด้วยเหตุนั้นมันจึงแยบยลยิ่งกว่าและมีพิษร้ายถึงตาย ด้วยเหตุผลเดียวกัน ความหยิ่งนี้อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือข่มความชั่วอื่นๆ ที่ชั่วน้อยกว่า มารซาตานหัวเราะ เพราะมันจะพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นคุณกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ทางเพศและกล้าหาญและควบคุมอารณ์ได้ ถ้าหากว่ามันสามารถแต่งตั้งจอมเผด็จการหยิ่งจองหองไว้ในตัวของคุณเช่นเดียวกับที่มันจะพอใจทีเดียวที่ไต้เห็นคุณหายจากอาการแสบคันตามมือและเท้า ถ้าหากว่ามันได้รับอนุญาตให้เอาโรคมะเร็งมาให้คุณแทนได้

โดย ซี.เอส.ลูอิส

No comments:

Post a Comment