Pages

Friday, November 4, 2011

ความบาปมหันต์ (ตอนที่ 3)

เราได้พูดถึงเรื่องความหยิ่งไปแล้ว 2 ตอน และก่อนที่เราจะยุติหัวข้อนี้ผมอยากจะพูดบางประเด็นเพื่อป้องกันความเข้าใจผิดบางประการซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ ดังนี้

ประการแรก ความยินดีที่เกิดขึ้นจากการได้รับคำสรรเสริญไม่ใช่ความหยิ่งจองหองนะครับ เด็กที่ได้รับคำชมเพราะทำบทเรียนได้ดี หรือผู้หญิงที่ชายคนรักกล่าวชื่นชมความงามของหล่อน หรือจิตวิญญาณที่พระคริสต์กล่าวชมว่า "ทำได้ดีมาก" คนเหล่านี้ทุกคนรู้สึกยินดีและก็ควรจะรู้สึกเช่นนั้นด้วย เพราะความรู้สึกยินดีในที่นี้ไม่ได้มาจากการที่แต่ละคนพอใจในตัวเอง แต่มาจากการที่คุณได้สร้างความยินดีให้แก่คนที่คุณอยากเอาใจ (และเป็นการถูกแล้วที่คุณจะอยากทำเช่นนั้น)

ปัญหาเริ่มขึ้นเมื่อคุณคิดเกินเลยไปจาก "ฉันได้สร้างความยินดีให้แก่เขาแล้ว ดีจริง" โดยคิดเลยไปว่า "ถึงว่าล่ะ ฉันคงจะต้องเป็นคนชั้นดีไม่เบาเลยเชียวที่ทำได้อย่างนั้น" ยิ่งคุณยินดีในตัวเองมากเท่าไร และยิ่งคุณยินดีในคำสรรเสริญน้อยลงเท่าไร คุณก็ยิ่งแย่ลงเท่านั้น เมื่อคุณพึงพอใจในตัวเองล้วนๆ และไม่สนใจคำสรรเสริญเลย นั่นหมายความว่าคุณตกต่ำถึงก้นบึ้งแล้ว นั่นคือเหตุที่ความหลงลำพองซึ่งเป็นคาวมเย่อหยิ่งที่ปรากฎออกมาภายนอกมากที่สุด แต่แท้จริงแล้วเป็นความหยิ่งยโสที่เบาที่สุดและน่าให้อภัยได้ง่ายที่สุด คนที่มักลำพองใจรู้สึกอยากมากจนเกินงามที่จะให้คนชื่นชม สรรเสริญปรบมือให้ตน และพยายามหลอกล่อผู้อื่นให้ชมตนอยู่เสมอ นี่เป็นความบกพร่องชนิดหนึ่ง แต่เป็นความบกพร่องแบบเด็กๆ และอาจจะเป็นเพียงความบกพร่องเล็กน้อยในด้านความถ่อมใจเท่านั้น ถ้าเป็นเช่นนี้แสดงว่าคุณยังไม่อิ่มกับการชื่นชมตัวเอง

ความหยิ่งยโสจริงๆ ที่มีสำดำเหมือนกับปีศาจเกิดขึ้นเมื่อคุณดูถูกผู้อื่นมากจนกระทั่งคุณไม่สนใจว่าเขาคิดอย่างไรกับคุณ แน่นอนละ บ่อยครั้งก็จะเป็นสิ่งถูกต้องและอาจเป็นหน้าที่ของเราที่จะไม่สนใจว่าคนอื่นคิดอะไรกับเรา ถ้าหากเราาคิดเช่นนั้นด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง คือว่า เพราะเราสนใจว่าพระเจ้าทรงคิดอย่างไรมากกว่าจนเทียบไม่ได้ที่จะสนใจสายตาของมนุษย์ แต่คนหยิ่งยโสมีเหตุผลที่แตกต่างไปในการที่จะไม่สนใจคนอื่น เขาจะพูดว่า "ฉันจะสนใจทำไมกับเสียงปรบมือของคนชั้นเลวพวกนั้น อย่างกับว่าความเห็นของพวกเขามีค่าอะไรอย่างนั้นแหละ และถึงแม้ว่าความคิดเห็นของเขาจะมีค่าอยู่บ้าง ฉันเป็นคนประเภทที่จะหน้าแดงดีใจที่มีคนชมเหมือนสาวน้อยได้ออกเต้นรำครั้งแรกอย่างนั้นหรือ
 ไม่หรอก ฉันเป็นผู้ใหญ่ที่มีความกลมกลืนในบุคลิก ทั้งหมดที่ฉันทำไปเพียงเพื่อตอบสนองอุดมคติของฉันเท่านั้น เพราะว่าฉันเป็นคนอย่างนั้น ถ้าฝูงชนชอบ ก็ปล่อยให้ชอบกันไป พวกเขาไม่มีความหมายสำหรับฉัน"

และประการที่ 2 อย่าคิดว่าเมื่อคุณได้พบคนที่ถ่อมสุภาพจริงๆ เขาจะเป็นเหมือนผู้ที่คนทุกวันนี้เรียกว่า "ต่ำต้อย" เขาจะไม่ใช่คนที่เนื้อตัวสกปรกเปรอะเปื้อนที่คอยพร่ำบอกคุณเสมอว่า เขาไม่สลักสำคัญอะไรเลย เป็นไปได้ว่าสิ่งเดียวที่คุณจะคิดเมื่อเจอคนที่ถ่อมสุภาพจริงๆ ก็คือดูเหมือนท่าทางเขาจะร่าเริง เป็นคนฉลาด และสนใจสิ่งที่คุณพูดกับเขาอย่างจริงจัง ถ้าหากคุณไม่ชอบเขาก็คงเป็นเพราะคุณรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยที่ใครก็ตามสามารถจะมีความสุขกับชีวิตได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น เขาจะไม่คิดถึงเรื่องความถ่อมสุภาพ เขาจะไม่คิดถึงตัวของเขาเองเลย

ถ้าหากใครต้องได้คุณสมบัติถ่อมสุภาพ ผมคิดว่าผมสามารถบอกให้ได้ว่าก้าวแรกคืออะไร ก้าวแรกคือต้องตระหนักก่อนว่าตัวเองหยิ่งยโส ซึ่งเป็นก้าวที่ค่อนข้างใหญ่ด้วย อย่างน้อยๆ เราก็จะทำอะไรก่อนขั้นนี้ไม่ได้เลย ถ้าหากคุณคิดว่าคุณไม่ได้หยิ่งหยองเลย นั่นหมายความว่า แท้จริงแล้วคุณหยิ่งหยองจริงๆ

โดย ซี.เอส.ลูอิส

No comments:

Post a Comment